หารือการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดเป็นค่ารถไปร่วมงานศาสนพิธี
กรณีวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ อปท. ขอรับเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนโครงการส่งเสริมพัฒนาศีลธรรม จริยธรรม ประเพณีและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยเบิกจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเหมารถเพื่อนำพุทธศาสนิกชนในเขตพื้นที่ อปท. ไปร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ฟังธรรม ฯลฯ ณ วัดที่ดำเนินโครงการในเขตพื้นที่ได้หรือไม่
ประเภท:
การตอบข้อสอบถามของหน่วยรับตรวจและประชาชน
คำตอบ:
กรณีการจ้างเหมารถเพื่อนำพุทธศาสนิกชนไปร่วมกิจกรรมหรือบำเพ็ญกุศล แม้จะเป็นการดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พุทธศาสนิกชนในการบำเพ็ญกุศล แต่ก็มีลักษณะเป็นการอำนวยความสะดวก ที่เกินสมควร กล่าวคือ ในกรณีที่พุทธศาสนิกชนผู้ใดมีความศรัทธาและมีความประสงค์จะเดินทางไปร่วมกิจกรรมหรือการบำเพ็ญกุศล ณ วัดหรือสถานที่แห่งใด ก็ควรจะเดินทางไปร่วมกิจกรรมหรือการบำเพ็ญกุศลดังกล่าวด้วยตนเอง ไม่ควรให้วัดเป็นผู้รับภาระในการดำเนินการ
นอกจากนี้กรณีการจ้างเหมารถเพื่อนำพุทธศาสนิกชนไปร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรม ฯลฯ นั้น มีลักษณะเป็นการออกค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนเพื่อไปสักการะสังเวชนียสถาน หรือประกอบพิธีการ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นตามบันทึกสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับการประกอบพิธีฮัจญ์ เรื่องเสร็จที่ ๒๙๕/๒๕๕๓ สรุปได้ว่า การดำเนินการออกค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนในลักษณะดังกล่าว มิใช่การดูแลและจัดทำบริการสาธารณะ หรือเป็นการส่งเสริมศาสนาหรือทำนุบำรุงศาสนา อันเป็นกิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด
ดังนั้น กรณีการจ้างเหมารถจึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อปท. การเบิกจ่ายเงินกรณีดังกล่าวมิใช่เงินอุดหนุนตามข้อ ๓ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนฯ และอปท.ไม่อาจตั้งงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนให้แก่วัดเพื่อดำเนินการจ้างเหมารถได้ ทั้งนี้ตามข้อ ๔ (๑) ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนฯ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
นอกจากนี้กรณีการจ้างเหมารถเพื่อนำพุทธศาสนิกชนไปร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรม ฯลฯ นั้น มีลักษณะเป็นการออกค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนเพื่อไปสักการะสังเวชนียสถาน หรือประกอบพิธีการ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นตามบันทึกสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับการประกอบพิธีฮัจญ์ เรื่องเสร็จที่ ๒๙๕/๒๕๕๓ สรุปได้ว่า การดำเนินการออกค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนในลักษณะดังกล่าว มิใช่การดูแลและจัดทำบริการสาธารณะ หรือเป็นการส่งเสริมศาสนาหรือทำนุบำรุงศาสนา อันเป็นกิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด
ดังนั้น กรณีการจ้างเหมารถจึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อปท. การเบิกจ่ายเงินกรณีดังกล่าวมิใช่เงินอุดหนุนตามข้อ ๓ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนฯ และอปท.ไม่อาจตั้งงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนให้แก่วัดเพื่อดำเนินการจ้างเหมารถได้ ทั้งนี้ตามข้อ ๔ (๑) ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนฯ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
- ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อ ๓ “หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุน” หมายความว่า ...
(๕) องค์กรการกุศล ได้แก่ องค์กรทางศาสนา หรือองค์กรซึ่งมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อดําเนินงานการกุศลหรือบําเพ็ญสาธารณประโยชน์มิใช่การมุ่งแสวงหากําไรที่จัดตั้งโดยถูกต้อง ตามกฎหมาย หรอระเบียบ หรือข้อบังคับของหน่วยงานของรัฐ
ข้อ ๔ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจตั้งงบประมาณให้เงินอุดหนุนหน่วยงานที่ขอรับ เงินอุดหนุนได้ภายใต้หลักเกณฑ์ ดังนี้
(๑) โครงการที่จะให้เงินอุดหนุนต้องเป็นภารกิจที่อยู่ในอํานาจหน้าที่ขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นผู้ให้เงินอุดหนุนตามกฎหมาย และต้องไม่มีลักษณะเป็นเงินทุนหมุนเวียน
...
ข้อ ๘ หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องดําเนินการภายใต้ หลักเกณฑ์ ดังนี้
(๑) เสนอโครงการขอรับเงินอุดหนุนซึ่งต้องเป็นภารกิจที่อยู่ในอํานาจหน้าที่ของหน่วยงาน ที่ขอรับเงินอุดหนุนตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือข้อบังคับ โดยแสดงเหตุผลความจําเป็น และรายละเอียดของกิจกรรมในโครงการดังกล่าว