สตง. ร่วมกับ บก.ปปป. ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. เข้าจับกุมเจ้าหน้าที่ กทม. 7 ราย
หลังพบจัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ มูลค่าความเสียหาย 2.79 ล้านบาท
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และนายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แถลงข่าวการบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบด้านการเงินและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต. ประสงค์ เฉลิมพันธุ์ ผบก.ปปป. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) โดยนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) โดยนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายหลังปฏิบัติการร่วมกันสืบสวนจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาข้าราชการพลเรือน สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จำนวน 7 ราย ซึ่งกระทำผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร ร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 (1) (4) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จากกรณีจัดจ้างซ่อมรถโดยสารเป็นเท็จ มูลค่าความเสียหาย 2,790,928 บาท (สองล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นเจ็ดร้อยสี่สิบแปดบาท)
ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า สืบเนื่องจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการจ้างเหมาซ่อมแซมรถโดยสาร ปรับอากาศ ขนาด 45-50 ที่นั่ง ของกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จึงดำเนินการตรวจสอบเอกสารพบว่าหน่วยราชการดังกล่าวมีการเบิกฎีกาจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว ในห้วงระหว่างปี พ.ศ. 2565-2567 โดยไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริง จำนวน 11 ครั้ง โดยมีกลุ่มของผู้ต้องหา 7 คน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุขออนุมัติจ้างซ่อม และทำการปลอมใบเสนอราคาและเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้วดำเนินการอนุมัติงบประมาณ สตง. จึงได้ประสานงานกับหน่วยงานเครือข่ายเพื่อบูรณาการความร่วมมือและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในห้วงระหว่างปี พ.ศ. 2565-2567 มีการจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว โดยที่ไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงอีก จำนวน 12 ครั้ง และกรุงเทพมหานครได้ตรวจพบการกระทำลักษณะเดียวกันอีก จำนวน 5 ครั้ง รวมจำนวนเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาทำการเบิกจ่ายค่าซ่อมรถ โดยไม่มีการซ่อมจริง 28 ครั้ง หรือ 28 ฎีกาของการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,790,748 บาท และต่อมาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 กรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พงส.กก.1 บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 คน จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ต่อมาในวันที่ 12 มีนาคม 2568 ผู้ต้องหา ทั้ง 7 คน ได้ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน กก.1 บก.ปปป. และมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดตามกฎหมายต่อไป
.....................................................................................................................
สำนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โทร. 0 2618 5755