สตง.ชำแหละภารกิจ 6 ปี แจกที่ ส.ป.ก.ค้างจัดสรรล้านไร่-ช่องโหว่นายทุนฮุบ-ความจนยังคงอยู่

เขียนวันที่
วันอังคาร ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10:13 น.

pkkdsdsdsdssdsdds4 2 68


"...สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไม่ได้นำที่ดิน ทั้งจากกรณีที่ดินที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน แต่มีการถือครองที่ดินขนาดใหญ่เกินที่กำหนดหรือถือครองที่ดินโดยผู้ไม่มีคุณสมบัติ กรณีที่ดินที่ผู้ได้รับการจัดที่ดินถูกสั่งให้สิ้นสิทธิ รวมถึงกรณีที่ดินเอกชนแปลงว่างที่เหลือจากการจัดให้ผู้มีสิทธิ มาจัดให้แก่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินตามกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ทำให้เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินมีโอกาสในการได้รับการจัดที่ดินเพื่อเกษตรกรรมค่อนข้างจำกัด ในขณะที่การตรวจสอบติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดินก็ยังไม่มีประสิทธิภาพ อันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมในโอกาสการเข้าถึงที่ดินทำกินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความยากจนที่เกิดขึ้นในสังคมไทย..."


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ที่อยู่ในกำกับดูแลของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการออกเอกสารทับซ้อนพื้นที่ป่าไม้ ปัญหาการซื้อขายเปลี่ยนมือไปอยู่ในกลุ่มนายทุน ส่งผลทำให้ปัญหาการจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรที่ขาดแคลนไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นเป้าหมายพันธกิจหลักในการดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้อยู่บ่อยครั้ง 

เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สรุปรายงานผลการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานการจัดที่ดินทำกินให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นทางการ พบว่ามีปัญหาสำคัญหลายประการ ทั้งจากกรณีที่ดินที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน การถือครองที่ดินขนาดใหญ่เกินที่กำหนดหรือถือครองที่ดินโดยผู้ไม่มีคุณสมบัติ ในขณะที่การตรวจสอบติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดินก็ยังไม่มีประสิทธิภาพ อันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมในโอกาสการเข้าถึงที่ดินทำกินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความยากจนที่เกิดขึ้นในสังคมไทย

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เห็นว่าเนื้อหารายงานฉบับนี้มีข้อมูลสำคัญหลายส่วน ต่อการแก้ไขปัญหาการจัดที่ดินทำกินให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม  (ส.ป.ก.) จึงนำมาสนอ โดยแบ่งเป็นประเด็นสำคัญ ณ ที่นี้ 

@ ที่มาการตรวจสอบ

ในรายงานการตรจสอบ สตง. ฉบับนี้ ระบุว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีภารกิจหลักในการจัดที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้แก่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินหรือมีที่ดินเล็กน้อยไม่เพียงพอต่อการครองชีพและสถาบันเกษตรกรได้เข้าทำประโยชน์ เช่า หรือเช่าซื้อที่ดินในเขตปฏิรูป รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน เกษตรกรมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ยกระดับรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ยังให้ความสำคัญกับการควบคุมสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และนำที่ดินมาจัดให้เกษตรกรและผู้ไร้ที่ดินทำกินรายใหม่เพื่อให้เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินได้มีโอกาศเข้าถึงที่ดินและใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต่อไป

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน มีความมุ่งหวังให้การดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ตินเพื่อเกษตรกรรมเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการกระจายสิทธิการถือครองที่ดินไปยังเกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน และสนับสนุนเกษตรกรในการใช้ประโยชน์ที่ดิน จึงได้ดำเนินการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานการจัดที่ดินทำกินให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

@ ผลการตรวจสอบ

จากการตรวจสอบมีประเด็นข้อตรวจพบ ดังนี้ 

1. ที่ดินของรัฐคงเหลือไม่มีการนำมาจัดให้เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน 

จากการตรวจสอบวิธีปฏิบัติในการจัดที่ดินของรัฐคงเหลือ พบว่า เป็นการจัดที่ดินตามคำร้องของผู้ครอบครองเดิมที่พร้อมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน ซึ่งจากการสุ่มตรวจสอบแปลงที่ดินที่มาจากการนำที่ดินของรัฐที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินมาจัดให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์ระหว่างปึงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2566 จำนวน 48 แปลง ในพื้นที่ 6 จังหวัด พบว่า เกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินเป็นผู้ถือครองรายเดิม หรือทายาทเกษตรกรที่ครอบครองพื้นที่ก่อนเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินทั้งหมด 

2. การจัดซื้อที่ดินเอกชนไม่เป็นไปตามเป้าหมายและที่ดินเกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค บางแห่งไม่ได้นำมาจัดให้เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน 

จากการตรวจสอบ พบว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ยังไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อที่ดินเอกชนได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จำนวน 30,539 ไร่ โดยผลการจัดซื้อที่ดินเอกชนของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซึ่งคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดเห็นชอบการจัดซื้อและอนุมัติราคาที่ดิน ระหว่างปิงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2566 มีจำนวน 3,077.45 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 10.08 ของแผนการดำเนินงานทั้งหมด และสามารถจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินได้ จำนวน 1,358 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 4.45 โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมสามารถนำที่ดินเอกชนที่จัดซื้อมาจัดให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์โดยการทำสัญญาเช่าหรือเช่าซื้อ จำนวน 1,358 ไร่

นอกจากนี้ ยังพบว่าที่ดินเกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพชรบุรี และลพบุรี เป็นพื้นที่แปลงว่างที่ยังไม่ได้จัดให้เกษตรกรเช่าซื้อ และเป็นพื้นที่ที่ถูกยกเลิกสัญญาเช่าซื้อ เนื้อที่รวมประมาณ 3,330 ไร่ ซึ่งสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ยังไม่สามารถนำมาดำเนินการจัดที่ดินให้แก่แก่เกษตรกร ผู้ไร้ที่ดินทำกินรายใหม่ได้ 

3. ที่ดินที่ถูกสั่งให้สิ้นสิทธิ์ไม่ถูกมามาจัดให้แก่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน 

จากการตรวจสอบ พบว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีการสั่งให้เกษตรกร สิ้นสิทธิการเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2566 จำนวน 682 แปลง เนื้อที่ประมาณ 9,705 ไร่ ซึ่งเมื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับข้อมูลการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2566 พบว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ตินเพื่อเกษตรกรรม ไม่มีการนำที่ดินแปลงะที่ถูกสั่งสิ้นสิทธิมาจัดให้แก่เกษตรกรรายใด 

4. ที่ดินที่ไม่มีทายาทขอรับมรดกสิทธิหรือทายาทไม่ใช่เกษตรกร ยังไม่มีการนำมาจัดให้แก่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน 

จากการตรวจสอบ พบว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม สำรวจพบข้อมูลเกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินถึงแก่ความตาย จำนวน 205,930 ราย 280,905 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3,045,268 ไร่ (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2563) และได้มีการกำหนดเป้าหมายในการดำเนินการให้ทายาทเกษตรกรมายื่นคำขอรับมรดกสิทธิหรือจัตที่ดินแทนที่ จำนวน 171,434 ราย 228,673 แปลง เนื้อที่ประมาณ 2,410,986 ไร่ (ข้อมูลคงเหลือ ณ เดือนกันยายน 2566)

ทั้งนี้ ผลการดำเนินการ ณ เตือนกรกฎาคม 2567 พบว่า ยังมีพื้นที่คงเหลือ ซึ่งไม่มีทายาทเกษตรกรมายื่นคำขอรับมรดกสิทธิหรือจัดที่ดินแทนที่ จำนวน 152,832 แปลง เนื้อที่ประมาณ 1,733,022 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 66.83 ของเป้าหมายที่ต้องดำเนินการทั้งหมด 

จากข้อตรวจพบข้างต้น สตง.ระบุว่า  สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไม่ได้นำที่ดิน ทั้งจากกรณีที่ดินที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน แต่มีการถือครองที่ดินขนาดใหญ่เกินที่กำหนดหรือถือครองที่ดินโดยผู้ไม่มีคุณสมบัติ กรณีที่ดินที่ผู้ได้รับการจัดที่ดินถูกสั่งให้สิ้นสิทธิ รวมถึงกรณีที่ดินเอกชนแปลงว่างที่เหลือจากการจัดให้ผู้มีสิทธิ มาจัดให้แก่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินตามกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ทำให้เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินมีโอกาสในการได้รับการจัดที่ดินเพื่อเกษตรกรรมค่อนข้างจำกัด

ในขณะที่การตรวจสอบติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดินก็ยังไม่มีประสิทธิภาพ อันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมในโอกาสการเข้าถึงที่ดินทำกินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความยากจนที่เกิดขึ้นในสังคมไทย

@ ชง 8 ข้อเสนอแนะ

เบื้องต้น ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มีข้อเสนอแนะให้เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 

1. จัดทำแผนปฏิบัติงานสำรวจที่ดินของปีที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้ครบถ้วน และกำหนดกรอบระยะเวลาให้ผู้ถือครองที่ดินในเขตดำเนินการของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ยื่นคำร้องขอจัดที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งตรวจสอบการถือครองที่ดินโดยอาจพิจารณาเริ่มดำเนินการกับพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งมีผู้ถือครองเกินกว่า 100 ไร่ เพื่อปรับปรุงสิทธิให้แก่ผู้ถือครองที่ดินที่มีคุณสมบัติ และสามารถกระจายสิทธิการถือครองที่ดินที่มีมากเกินความจำเป็นหรือถือถือครองโดยผู้ไม่มีคุณสมบัติไปสู่เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน

2. ทบทวนกระบวนการจัดซื้อที่ดินเอกชน และสร้างความเข้าใจให้ผู้เสนอขายที่ดินเกี่ยวกับระเบียบการจัดซื้อที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่มีกระบวนการหลายขั้นตอนเพื่อลดการยกเลิกขายที่ดิน อีกทั้งอาจพิจารณาให้เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินดำเนินการจัดหาที่ดินด้วยตนเอง แล้วนำที่ดินมาเสนอขายที่ดินให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

3. เร่งรัดหาข้อสรุปการจัดที่ดินแปลงว่าง รวมทั้งกำกับติดตามและสนับสนุนการดำเนินการจัดที่ดินแปลงว่างที่จัดซื้อตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 ในพื้นที่ของเกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค ให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด

4. กำหนดให้มีการตรวจสอบการมีชีวิตอยู่และคุณสมบัติการเป็นเกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินอย่างต่อเนื่อง โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีฐานข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบ เช่น กรมการปกครอง กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านการตรวจสอบสิทธิและลตภาระงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัด

5. กำหนดให้มีการตรวจสอบสิทธิและการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ที่ยังไม่เคยได้รับการตรวจสอบให้ครบถ้วนและต่อเนื่อง โดยพิจารณากำหนดพื้นที่เสี่ยงที่ต้องให้ความสำคัญในการตรวจสอบเป็นพิเศษ เช่น พื้นที่ซึ่งมีการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ (ส.ป.ก. 4-01) เกิน 5 ปี แต่เกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินไม่มายื่นคำขอออกโฉนดเพื่อการเกษตร

6. กำชับให้มีการกำกับดูแลให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการสั่งให้เกษตรกรสิ้นสิทธิการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมอย่างเคร่งครัด เพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการออกหนังสือแจ้งเตือนหรือแจ้งสิทธิแล้วแต่กรณี รวมถึงการติดตามผลการปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามหนังสือแจ้งเตือน

7. กำหนดกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบที่ดินซึ่งไม่มีทายาทขอรับมรดกสิทธิ ด้วยที่ดินดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะถือครองโดยผู้ไม่มีคุณสมบัติซึ่งอาจเป็นทายาทหรือบุคคลอื่น หรือที่ดินถูกปล่อยทิ้งร้างไม่มีการทำประโยชน์ เพื่อเป็นการป้องกันการซื้อขายเปลี่ยนมือหรือเข้าครอบครองที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต และสามารถนำที่ดินมาจัดให้เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินที่มีคุณสมบัติเข้าทำกินโดยชอบต่อไป

8. กำหนดเป้าหมายการดำเนินการจัดที่ดินให้เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินที่ขึ้นทะเบียนขอรับการจัดที่ดินในแต่ละปี เพื่อนำไปสู่การกำหนดแผนงาน/โครงการนำที่ดินคงเหลือซึ่งถือครองโดยผู้ไม่มีคุณสมบัติหรือถือครองเกินสิทธิ ที่ดินแปลงว่างจากการสั่งสิ้นสิทธิหรือสละสิทธิหรือไม่มีทายาหมารับการจัดที่ดินแทนที่ รวมถึงที่ดินเอกชนค้างจัดมากระจายสิทธิให้เกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินอย่างเป็นรูปธรรม 

********

Date 4 กุมภาพันธ์ 2568
แหล่งที่มา สำนักข่าวอิศรา